PHILIPPINES

ประเทศฟิลิปปินส์...ดินแดนแห่งหมู่เกาะสวรรค์ในมหาสมุทรแปซิฟิก

ฟิลิปปินส์ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จัก ถูกขนานนามว่ามีชายหาดที่สวยงามและผลไม้อร่อยมากมาย หมู่เกาะตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และได้รับการตั้งชื่อตาม กษัตริย์ฟิลิปที่ 2 แห่ง สเปน

  • ฟิลิปปินส์ประกอบด้วยเกาะ 7,641 เกาะ ทำให้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเกาะรวมกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ยังมีเกาะกว่า 5,000 เกาะที่ยังไม่มีชื่อในแผนที่ระหว่างประเทศ
  • เนื่องจากมีการส่งข้อความเป็นจำนวนมากทั่วประเทศ ฟิลิปปินส์จึงได้รับสมญานามว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งข้อความของโลก”
  • ฟิลิปปินส์เป็นประเทศเดียวในเอเชียที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนมากนับถือศาสนาพุทธ แต่ 86% ของประชากรฟิลิปปินส์นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
  • ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 3 ใน 10 แห่งของโลกตั้งอยู่ในฟิลิปปินส์ นั่นคือ SM Mall of Asia
  •  สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของประเทศคือ รถจิ๊ปนีย์ (Jeepney) รถเมล์สีสันสดใส ที่มีต้นกำเนิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และรถจิ๊ปของกองทัพสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยความกังวลด้านมลพิษที่เพิ่มขึ้น รถจิ๊ปนีย์อาจถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอีกไม่ช้า
  • ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตมะพร้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก มังคุด มะละกอ และกล้วยก็สามารถพบได้มากที่นี่เช่นกัน
  • ไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดในโลกถูกค้นพบโดยนักประดาน้ำชาวฟิลิปปินส์ในทะเลปาลาวัน ไข่มุกน้ำหนัก 75 ปอนด์ มีมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • เป็นประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 13 ของโลก โดยมีประชากรกว่า 108 ล้านคน  
  • สมาคมบาสเก็ตบอลฟิลิปปินส์ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1975 เป็นลีกบาสเก็ตบอลแห่งแรกของเอเชีย นอกจากจะเป็นแฟนบาสเก็ตบอลตังยงแล้ว ชาวฟิลิปปินส์หลายคนยังชื่นชอบกีฬาการชกมวยอีกด้วย
  • ฟิลิปปินส์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกพยาบาลมากเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งเนื่องจากโอกาสในการทำงานที่จำกัดในประเทศ ประชาชนจำนวนมากจึงหางานทำในต่างประเทศ
  • ฟิลิปปินส์เคยตกเป็นอาณานิคมของสเปนและสหรัฐอเมริกา หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับเอกราช จึงจัดการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ตามแบบสหรัฐอเมริกา โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขและเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารประเทศ

ข้อมูลทั่วไป

ชื่ออย่างเป็นทางการ : สาธารณรัฐฟิลิปินส์ (Republic of the Philippines)

เมืองหลวง : กรุงมะนิลา ตั้งอยู่บนเกาะลูซอน เกาะใหญ่ที่สุดซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของฟิลิปปินส์

การปกครอง : ระบอบประชาธิปไตย ในรูปแบบสาธารณรัฐ ภายใต้การนำของนาย บองบอง มาร์กอส (ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน2023)

ชาวฟิลิปปินส์ : เราเรียกชาวฟิลิปปินส์ ว่า ฟิลิปิโน (Filipino)

ดอกไม้ประจำชาติ : ดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine) ดอกสีขาวกลีบดอกเป็นรูปดาว มีกลิ่นหอม บานส่งกลิ่นในตอนกลางคืน ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน รวมถึงความเข้มแข็งอีกด้วย เคยถูกนำมาใช้เฉลิมฉลองในตำนานเรื่องเล่ารวมทั้งบทเพลงของฟิลิปปินส์ด้วยเช่นกัน

วันชาติ : ตรงกับวันที่ 12 มิถุนายน ของทุกปี

เวลา Time Zone : UTC +8 เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง

ลักษณะภูมิประเทศ

ฟิลิปปินส์เป็นหมู่เกาะของเทือกเขาหินใหม่ พื้นที่ทุกเกาะมีภูเขาเป็นแกนกลาง มีที่ราบอยู่น้อยและเป็นที่ราบแคบๆ โดยมีที่ราบสำคัญคือที่ราบตอนกลางของเกาะลูซอน หรือที่ราบมะนิลา ซึ่งเป็นที่ราบที่ใหญ่ที่สุด มีลักษณะภูมิอากาศ อยู่ในโซนมรสุมเขตร้อน ได้รับความชุ่มชื้นจากลมมรสุมทั้ง 2 ฤดู โดยได้รับฝนจากลมพายุไต้ฝุ่น และดีเปรสชั่น บริเวณที่ฝนตกมากที่สุดอยู่ที่เมืองบาเกียว

ลักษณะทางกายภาพ

ฟิลิปปินส์เป็นดินแดนแห่งหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มีลักษณะพิเศษคือเป็นประเทศเพียงหนึ่งเดียวที่มีพรมแดนทางทะเลที่ติดต่อระหว่างกันยาวมากที่สุดในโลก ประกอบด้วยจำนวนเกาะมากกว่า 7,000 เกาะ โดยมีเกาะใหญ่ 11 เกาะ ซึ่งมีพื้นที่รวมกันเท่ากับร้อยละ 90 ของพื้นที่ทั้งหมด ในบรรดาเกาะทั้งหมดมีเกาะที่มีคนอาศัยอยู่เพียงราว 900 เกาะเท่านั้น เกาะที่ใหญ่ที่สุดคือ เกาะลูซอน (Luzon) ที่อยู่ทางเหนือ และเกาะมินดาเนา (Mindanao) ที่อยู่ทางใต้

เกาะต่างๆ ของฟิลิปินส์แบ่งออกเป็น 3 หมู่ คือ

  • หมู่เหนือ ประกอบด้วย สองเกาะใหญ่ๆ คือ เกาะลูซอน และเกาะมินโดโร
  • หมู่กลาง เรียกว่า Visa Yas ประกอบด้วยเกาะต่างๆ ประมาณ 7,000 เกาะ
  • หมู่เกาะใต้ ประกอบด้วย เกาะมินดาเนา และ Sulu Archipa Lago ซึ่งหมายถึง หมู่เกาะต่างๆ ประมาณ 400 เกาะ ที่อยู่เรียงรายทางใต้ของเกาะมินดาเนา ไปจนถึงทางทิศตะวันตกของเกาะบอร์เนียว

ภูมิอากาศและสภาพอากาศ

ฟิลิปปินส์มีลักษณะภูมิอากาศด้วยกันถึง 5 แบบ ได้แก่ ป่าฝนเขตร้อน มรสุมเขตร้อน สะวันนาเขตร้อน กึ่งเขตร้อนชื้น และมหาสมุทร ซึ่งทำให้มีลักษณะที่อุณหภูมิค่อนข้างสูง มีความชื้นสูง และมีฝนตกค่อนข้างมาก ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิในประเทศฟิลิปปินส์อยู่ระหว่าง 21°C – 32°C และค่าเฉลี่ยอุณหภูมิตลอดปีอยู่ที่ 26.6°C อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงระหว่างภูมิภาคและขึ้นอยู่กับฤดูกาล อย่างไรก็ตามโดยเฉลี่ยแล้ว เดือนมกราคมจะเป็นเดือนที่มีอากาศเย็นมากที่สุด ในขณะที่เดือนพฤษภาคมจะมีอากาศอบอุ่นที่สุด และเมื่อแบ่งแยกโดยปริมาณน้ำฝนฟิลิปปินส์จะมีสองฤดูกาล ได้แก่ ฤดูแล้ง คือระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม และฤดูฝนอยู่ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม ดังนั้นระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเยือนประเทศฟิลิปปินส์มากที่สุด เพราะปริมาณน้ำฝนอยู่ในระดับต่ำสุด และนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆได้อย่างสะดวก ถือว่าเป็นฤดูกาลแห่งการท่องเท่ียวของฟิลิปปินส์เลยก็ว่าได้ ส่วนระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์อากาศจะค่อนข้างเย็น แดดค่อนข้างเยอะ ท้องฟ้าสวยงาม ในขณะที่ฤดูฝนมักจะเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนและอาจจะมีการเจอพายุไต้ฝุ่นบ้างในเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม

 

เดือนมกราคม

อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 26°C นักท่องเที่ยวอาจจะเลือกเมืองบาเกียวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก เนื่องจากอากาศดีและสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม เมืองวีกันและเมืองลาวัก ถือเป็นหนึ่งสถานที่สำหรับเดินเล่นแบบสบายๆได้ และเดือนมกราคมเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการที่จะเดินทางไปชมนาขั้นบันได Cordillera Rice Terrace ที่ซึ่งจะได้ทัศนียภาพที่สวยงามสำหรับนักท่องเที่ยว

เดือนกุมภาพันธ์

อากาศในเดือนกุมภาพันธ์มีลักษณะใกล้เคียงกับเดือนมกราคม มีปริมาณน้ำฝนต่ำมาก เป็นช่วงยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว แนะนำเดินทางไปเที่ยวเมืองบาเกียว รวมถึงช็อกโกแลตฮิลส์บนเกาะโบโฮลเมื่อสีบนภูเขาได้เปลี่ยนเป็นสีช็อกโกแลต

เดือนมีนาคม

อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น โดยอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 28-30°C นักท่องเที่ยวนิมยมไปยังพื้นที่บริเวณริมชายฝั่งทะเลของเมืองเอลนิโด เกาะโบราคาย เกาะมักตัน และเกาะเซอร์เกา เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีพื้นที่อุณหภูมิสูง

เดือนเมษายน

ฤดูแล้งจะถึงจุดสูงสุดในเดือนเมษายนที่ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยค่อนข้างสูงที่ 32°C และเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยวในบริเวณพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลของเมืองเอลนิโด เกาะโบราคา เกาะมักตัน และเกาะเซอร์เกา ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับหาดทรายที่สวยงาม แดดที่แจ่มใส และท้องฟ้าสีครามสดใส และเดือนเมษายนเป็นช่วงนิยมในการดำน้ำ ซึ่งการดำน้ำจะให้ทัศนวิสัยใต้น้ำได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามมีนักท่องเที่ยวบางส่วนเดินทางไปเมืองบาเกียวที่ได้รับฉายาว่าเป็น เมืองหลวงแห่งการพักร้อนในประเทศฟิลิปปินส์

เดือนพฤษภาคม

เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในฟิลิปปินส์ อุณหภูมิเฉลี่ยค่อนข้างสูงที่ 34°C พื้นที่ชายฝั่งทะเล เช่น เกาะปาลาวัน เกาะโบราคาย และเกาะเซอร์เกา จะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าบริเวณอื่น แม้ว่าความร้อนยังปกคลุมทั่วทั้งประเทศ

เดือนมิถุนายน

เป็นช่วงที่กำลังเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งจะมีฝนตกหนักเกือบทั่วทั้งประเทศ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 29°C แม้ว่าพื้นที่บนเกาะโบโฮล เกาะเซบู และเกาะเซอร์เกา จะไม่ได้แห้งสนิททีเดียว แต่ถือเป็นพื้นที่ได้รับฝนน้อยกว่าบริเวณอื่น และในช่วงเดือนมิถุนายนช็อกโกแลตฮิลส์จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และนาขั้นบันได Cordillera Rice Terrace จะเขียนขจีงดงาม และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมและควรไปสัมผัส

เดือนกรกฎาคม

พื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศจะพบกับฝนตกหนักในช่วงเดือนนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28°C ดังนั้นการที่นักท่องเที่ยวจะหลีกเลี่ยงฝนที่ตกหนักและการเดินทางที่ไม่สะดวก ควรเดินทางไปบริเวณพื้นที่เกาะโบโฮล เกาะเซบู และเกาะเซอร์เกา ถึงแม้ว่าจะมีฝนตกในบริเวณเหล่านี้ แต่ว่าจะไม่ตกหนักเท่ากับทางตอนเหนือหรือทางตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์

เดือนสิงหาคม

สภาพอากาศและอุณหภูมิมีความใกล้เคียงกับเดือนกรกฎาคม มีฝนตกหนักบริเวณทางตอนเหนือ อย่างไรก็ตามเพื่อจะมีโอกาสได้สัมผัสกับแสงแดดที่สดใส นักท่องเที่ยวควรเดินทางไปเยือนเกาะเซอร์เกา เกาะโบโฮล และเกาะเซบู ที่ซึ่งผลกระทบจากหน้าฝนนั้นจะน้อยกว่าบริเวณอื่น นอกจากนี้เดือนสิงหาคมยังเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการที่จะเล่นกระดานโต้คลื่นที่เกาะเซอร์เกา

เดือนกันยายน

เป็นเดือนที่ฝนตกหนักที่สุดของปี อุณหภูมิเฉลี่ยระหว่างวันอยู่ที่ 24 - 31°C ขณะที่ฝนได้เคลื่อนตัวลงมาทางใต้ กำลังแรงของฝนนั้นจะค่อยๆลดลง พื้นที่ในบริเวณเกาะโบโฮล เกาะเซบู และเกาะเซอร์เกา ฝนจะน้อยลงจากอิทธิพลของแสงแดด การเล่นกระดานโต้คลื่นที่ เกาะเซอร์เกา เป็นตัวเลือกยอดนิยมในฤดูมรสุมที่นักท่องเที่ยวควรเดินทางไป

เดือนตุลาคม

ยังคงอยู่ช่วงหน้าฝน แต่จะเริ่มจะบางเบาเมื่อใกล้ถึงปลายเดือน แม้ว่าฝนตกหนักยังสามารถที่จะพบเห็นได้ทั่วไปบนเกาะลูซอน และพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ ดังนั้นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ เช่นเกาะโบโฮล เกาะเซบู และเกาะเซอร์เกา ยังคงได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว และอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 25°C - 27°C

เดือนพฤศจิกายน

เป็นจุดเริ่มต้นของฤดูแล้งอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 25°C - 27° อากาศเริ่มดีขึ้น ท้องฟ้ามีแดดมากขึ้น และอากาศที่เย็นสบาย นักท่องเที่ยวควรไปเยือนสถานที่ยอดนิยมต่างๆ เช่น กรุงมะนิลา เมืองลาวัก และเมืองวีกัน เกาะโบโฮล เกาะปาลาวัน และเกาะเซบู

เดือนธันวาคม

ฤดูแล้งเริ่มครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ซึ่งจะทำให้มีลักษณะของ วันที่มีแสงแดดและมีฝนตกน้อย ในขณะที่อุณหภูมิจะเริ่มเย็นขึ้น ดังนั้นอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่างวันอยู่ที่ 22°C - 32°C ในบริเวณเกาะปาลาวัน เกาะเซบู เกาะโบโฮล และพื้นที่ทางตอนใต้ ในขณะที่บริเวณกรุงมะนิลา เมืองลาวักและเมืองวีกัน จะมีอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 21°C - 30°C และด้วยสภาพอากาศที่สบาย เดือนธันวาคมจึงเป็นเวลาที่ดีในการเที่ยวประเทศฟิลิปปินส์

สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำในฟิลิปปินส์

แหล่งท่องเที่ยวที่แนะนำในฟิลิปปินส์ที่แนะนำ 

  • กรุงมะนิลา
  • เกาะโบโฮล
  • เกาะโบราคาย
  • เกาะเซบู
  • เกาะปาลาวัน
  • เกาะเซอร์เกา
  • เมืองลาวักและเมืองวีกัน
  • เมืองดาเวา
  • เมืองตาไกไตย์
  • เมืองบีโคล
  • เมืองบาเกียว

สถานที่ที่แนะนำเรียนภาษาในฟิลิปปินส์

เมืองบาเกียว (Baguio)

บาเกียวตั้งอยู่บริเวณเหนือระดับน้ำทะเลที่ 1,600 เมตรและอิงแอบอยู่ท่ามกลางภูเขาทางตอนเหนือของเกาะลูซอน บาเกียวจึงมีชื่อเสียงมายาวนานในเรื่องภูมิอากาศที่เย็นสบายและมีอุณหภูมิที่ไม่สูง โดยปกติแล้วบาเกียวจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าเมืองอื่นในฟิลิปปินส์ถึง 8 องศาเซลเซียส และมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 - 23 องศาเซลเซียส ปัจจุบันบาเกียวได้รับฉายานามว่าเป็นเมืองตากอากาศฤดูร้อนแห่งประเทศฟิลิปปินส์ เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวหลบหนีจากความเร่งรีบและวุ่นวายในกรุงมะนิลาโดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน บาเกียวมีชื่อเสียงในเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม เช่น สวนสาธารณะ ภูเขา และป่าไม้ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวได้แก่ Burnham Park, Mines View Park, Baguio Botanical Garden, Baguio Museum และยังมีกิจกรรมมากมายให้ได้ทำ เช่น การขี่ม้า การพายเรือเล่น การนั่งปิกนิก หรือการเดินชื่นชมธรรมชาติ ถนนคนเดินยามค่ำคืน ปัจจุบันบาเกียวยังถือเป็นแหล่งหลอมรวมวัฒนธรรมของชาวเผ่าพื้นเมืองที่หลากหลายในบริเวณโดยรอบ ดังนั้นนักท่องเที่ยวสามารถที่จะพบเห็นการทอผ้าสานแบบโบราณ งานหัตถกรรม ที่ประณีต หรือชุดแต่งกายชาวเขาพื้นเมืองตามร้านค้าของชำร่วยในบาเกียว

บาเกียวจึงเหมาะกับสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนภาษา ด้วยเมืองที่มีความสวยงาม สะดวกสบาย อากาศดี สงบ และสภาพแวดล้อมยังเป็นภาษาอังกฤษให้เราได้ฝึกฝนพัฒนาของเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อาหารพื้นเมือง

  • ไวน์สตรอเบอร์รี่และเบียร์ (Strawberry wine and craft beer)
  • ขนมถั่วตัด (Peanut brittle and Choco Flakes)
  • แยมอูเบฮาลายา (Ube Jam)

เกาะเซบู (Cebu)

เมืองเซบูถือว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศฟิลิปปินส์ และเป็นจุดเริ่มต้นการตั้งถิ่นฐานของชาวสเปนในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งนำโดย เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน ในอดีตเกาะเซบูเริ่มต้นจากการเป็นหมู่บ้านชาวประมงก่อนที่ชาวสเปนจะเข้าครอบครองแล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นเมืองอุตสาหกรรม ปัจจุบันนี้เกาะเซบูเป็นหนึ่งเมืองที่พัฒนาที่สุดในประเทศฟิลิปปินส์และได้รับสมญานามว่า "ราชินีแห่งภาคใต้" เกาะเซบูมีทั้งที่พักที่ทันสมัยและการใช้ชีวิตที่แสนสะดวกสบาย ในแง่ของภูมิประเทศของเกาะเซบูมีลักษณะยาวแบบชายฝั่งกว่า 200 กิโลเมตร ดังนั้นเกาะเซบูจึงมีชายหาดและเกาะแก่งน้อยใหญ่มากมาย และมีสัตว์น้ำใต้ทะเลที่ล้ำค่าจำนวนมาก ทุกวันนี้เกาะเซบูถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกที่ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างใฝ่ฝันการเดินทางมาว่ายน้ำคู่กับเจ้าฉลามวาฬยักษ์ การว่ายน้ำท่ามกลางฝูงปลาซาร์ดีนนับล้านตัว และปลาฉลามหางยาวที่หายากในธรรมชาติ

อาหารพื้นเมือง

  • เลชอน (Lechon)
  • ซูตูกิล (Sutukil) 

ค่าครองชีพ

  • ค่าครองชีพเฉลี่ยรวม 32,570 บาท
  • เงินเดือน 12,277 บาท/เดือน
  • ค่าเช่าที่อยู่อาศัย 14,137 บาท/เดือน
  • ค่าเดินทาง 325 บาท/เดือน
  • ค่าน้ำดื่ม (1.5 ลิตร) 16 บาท/ขวด
  • ค่าแมคโดนัลด์ (ชุดเซ็ตชีสเบอร์เกอร์) 78 บาท/เซ็ต
  • ตั๋วหนัง 162 บาท/ที่นั่ง
  • น้ำอัดลม (0.33 ลิตร) 16 บาท/ขวด

ภาพรวม

  • เมืองที่เหมาะเป็นตัวเลือกสำหรับคนต้องจำกัดงบ ที่อยากก้าวออกไปฝึกภาษาในต่างแดน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ราคาถูก 

 

ความปลอดภัย

ประเทศฟิลิปปินส์ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในทุกเมือง จะมีรปภ. ที่พกอาวุธอยู่หลายจุด ทั้งในร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหาร ที่คอยดูแลความปลอดภัยให้กับทุกคน

สิ่งที่ควรปฏิบัติ/ไม่ควรปฏิบัติ

ข้อควรปฏิบัติ

  • ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองในฟิลิปปินส์และเป็นภาษาที่ใช้ในธุรกิจ ชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่อ่านและเขียนภาษาอังกฤษได้
  • ควรทักทายชาวฟิลิปปินส์ที่เพิ่งรู้จักด้วยการเรียกว่า เซอร์ (sir) สำหรับการเรียกผู้ชาย หรือ มิส (Miss), แหม่ม มาดาม (Madam) สำหรับการเรียกผู้หญิง สำหรับบุคคลทั่วไปจนกว่าจะอนุญาตให้เรียกชื่อ และควรกล่าวถึงผู้อาวุโสอย่างสุภาพ
  • ทักทายด้วยการจับมือ แล้วกล่าวคำว่า “กุมุสตา” หมายถึง สวัสดี
  • กล่าวขออภัยเมื่อทำผิดเพียงเล็กน้อย ด้วยการกล่าวว่า  “โซ-รี” (Sori) และ “ปา-เซ็น-เชีย นะ” (Pasensiya)
  • กล่าวขอโทษอย่างยิ่งเมื่อทำผิดรุนแรง ด้วยการกล่าวคำว่า “ปา-ตา-วัด” (Patawad)
  • กล่าวขอบคุณด้วยคำว่า “ซา-ลา-มัต” (Salamat) ขอบคุณมากให้กล่าวว่า “มา-รา-มิง-ซา-ลา-มัต” (Maraming Salamat)
  • กล่าวลาด้วยการกล่าวว่า “ปาอาลัม” หมายถึง ลาก่อน
  • ควรลองรับประทานอาหารประจำชาติของชาวฟิลิปปินส์
  • ชาวฟิลิปปินส์ในเมืองส่วนใหญ่ จะใช้เพียงช้อนและส้อมในการรับประทานอาหาร
  • ควรดื่มน้ำจากขวดที่วางขายตามร้านค้าต่างๆ เพื่อความปลอดภัย
  • เมื่อรับประทานอาหารร่วมกับชาวฟิลิปปินส์ ควรรอให้เจ้าบ้านเชิญนั่งก่อนจึงค่อยนั่ง
  • การเข้าโบสถ์ควรงดการสนทนา และปิดเครื่องมือสื่อสาร หรือสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงทุกชนิด
  • คนฟิลิปปินส์จะทักทายเพื่อนด้วยการส่งยิ้มและเลิกคิ้วให้ และเมื่อคนฟิลิปปินส์โบกมือต้อนรับ ควรโบกมือตอบ เพื่อแสดงไมตรีจิตต่อกัน
  • ควรแต่งกายอย่างสุภาพเรียบร้อย และเหมาะสมกับกาลเทศะ เพราะคนฟิลิปปินส์พิจารณาภาพลักษณ์จากการแต่งกาย
  • เมื่อได้รับเชิญไปในโอกาสต่างๆ ควรเขียนจดหมายขอบคุณด้วยลายมือไปยังเจ้าภาพ ภายใน 1 สัปดาห์ หลังงานเสร็จสิ้นแล้ว
  • เมื่อได้รับเชิญไปร่วมรับประทานอาหารควรนำขนม หรือดอกไม้ไปมอบให้เจ้าภาพด้วย
  • คนฟิลิปปินส์ถือว่าการห่อของขวัญเป็นเรื่องสำคัญ จึงควรห่อด้วยความประณีตสวยงาม โดยไม่มีข้อห้ามเรื่องสีในการห่อสิ่งของ
  • การปฏิเสธคำเชื้อเชิญไม่ว่าเหตุใด ให้บอกว่าติดภารกิจอื่นซึ่งถือว่าเป็นคำปฏิเสธที่สุภาพที่สุด
  • มะขามหวานจากเมืองไทยเป็นของฝากอย่างหนึ่งที่ชาวฟิลิปปินส์ชื่นชอบ

สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ

  • ไม่ควรเท้าสะเอว เพราะเป็นความไม่สุภาพสำหรับชาวฟิลิปปินส์ เป็นการสื่อ ถึงการทะเลาะ
  • ชาวฟิลิปปินส์มักใช้ริมฝีปากชี้ไปที่สิ่งต่างๆ มากกว่าชี้ด้วยนิ้ว
  • หากต้องการเรียกร้องความสนใจจากทุกคน ชาวฟิลิปปินส์มักจะส่งเสียงดังคล้ายการขู่ในการเรียกชื่อ
  • ไม่ควรส่งเสียงดังในขณะที่กำลังรับประทานอาหาร
  • สื่อลามกอนาจาร ยาเสพติด และการพนันทุกชนิด หากฝ่าฝืนจะได้รับบทลงโทษอย่างหนัก
  • ไม่ควรจ้องตาชาวฟิลิปปินส์ เพราะถือว่าไม่สุภาพที่จะจ้องตากัน
  • ไม่ควรชี้นิ้วเรียกใครในฟิลิปปินส์ เพราะถือว่าไม่สุภาพ และเป็นการดูถูกคู่สนทนา
  • ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจนเมา เพราะครอบครัวเพื่อนชาวฟิลิปปินส์จะรู้สึกไม่ดี
  • ไม่ควรให้ทานขอทาน 
  • ไม่ควรเรียกภรรยาเจ้าของบ้านว่า แม่บ้าน เพราะถือว่าเป็นคำดูถูก
  • ไม่ควรให้ดอกเบญจมาศ และดอกลิลลี่สีขาว เพราะถือเป็นดอกไม้ที่ใช้ในงานศพ
  • เมื่อได้รับของขวัญจากคนฟิลิปปินส์ ไม่ควรเปิดดูต่อหน้าผู้ให้ทันที
  • เมื่อได้รับเชิญไปงาน ไม่ควรนำกระเช้าผลไม้ไปให้เจ้าภาพ หรือส่งไปก่อน เพราะถือเป็นการดูถูก ควรให้หลังงานไปแล้ว เพื่อแสดงคำขอบคุณ
  • ไม่ควรปฏิเสธอาหารที่คนฟิลิปปินส์ได้จัดเตรียมหรือตั้งใจนำมาให้ โดยเฉพาะอาหารที่ผู้ให้ปรุงด้วยตนเอง
  • ไม่ควรรับประทานอาหารหรือตักอาหารก่อนเจ้าภาพ
  • ไม่ควรพูดจาเสียงดัง แสดงความโกรธหรือการไม่เคารพ รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นต่อหน้า
  • ถ้าพบคนพูดภาษาท้องถิ่น และไม่สามารถสื่อสารกันได้ ไม่ควรแสดงความโกรธหรือความไม่พอใจ ควรหาคนอื่นมาสื่อสารแทน
  • ไม่ควรนัดคนฟิลิปปินส์ในวันอาทิตย์ เพราะเป็นวันที่ไปโบสถ์และถือเป็นวันครอบครัว

อาหาร

อโดโบ้ (Adobo) เป็นอาหารยอดนิยมของประเทศฟิลิปปินส์ ทำจากเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ที่ผ่านการหมัก และปรุงรส โดยจะใส่น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาว กระเทียมสับ ใบกระวาน พริกไทยดำ นำไปทำให้สุกโดยอบในเตาอบ หรือทอด แล้วนำมารับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ในอดีตอาหารจานนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทาง เนื่องจากส่วนผสมของอโดโบ้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เหมาะสำหรับพกไว้เป็นเสบียงอาหารระหว่างการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันอโดโบ้ได้กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่นำมารับประทานกันได้ทุกที่ทุกเวลา

รถประจำทางสัญลักษณ์ของฟิลิปปินส์

รถจิ๊ปนีย์ (Jeepneys) : สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของฟิลิปปินส์ สำหรับชาวต่างชาติเมื่อได้ไปท่องเที่ยวคงได้สัมผัสหรือใช้บริการ  รถจิ๊ปนีย์เป็นรถที่มีสีสันสดใส มีการประดับตกแต่งลวดลายสวยงาม ดัดแปลงมาจากรถจิ๊ปของทหารอเมริกันเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากนั้นได้นำมาดัดแปลงเป็นรถโดยสารสาธารณะเพื่อให้บริการแก่ประชาชน มีเส้นทางการให้บริการทั้งระยะใกล้และระหว่างเมืองด้วย อัตราค่าโดยสารราคาไม่แพงเริ่มต้นที่ประมาณ 10 เปโซ ปัจจุบันได้มีรถจิ๊ปนีย์ระบบไฟฟ้า (E-Jeepneys) นับเป็นระบบขนส่งมวลชนครั้งแรกของรูปแบบนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มกรีนพีซว่าเป็นพาหนะสีเขียว ที่ต้องการหยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง รถจิ๊ปนีย์ไฟฟ้าจะวิ่งในกรุงมะนิลาเขตเมือง อาลายา อเวนิวซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ

ภาษาและสกุลเงิน

ภาษา : ภาษาตากาล็อก (Tagalog) หรือภาษาฟิลิปิโน (Filipino) เป็นภาษากลางและภาษาทางการของประเทศฟิลิปปินส์ คนฟิลิปิโนส่วนใหญ่จะใช้พูดในตัวเมืองหลวง และตามจังหวัดชานเมืองเท่านั้น ส่วนคนต่างจังหวัดที่อยู่ภูมิภาคอื่นๆ หรือเกาะอื่นๆ จะมีภาษาถิ่นของตัวเองซึ่งไม่ใช่ภาษาตากาล็อก จึงใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกันแทน

สกุลเงิน : เปโซฟิลิปปินส์ (PESO) เป็นสกุลเงินทางการของฟิลิปปินส์ มักถูกแสดงด้วยสัญลักษณ์ ₱ รวมถึง PHP, Php, PhP, P$, P 

1 เปโซฟิลิปินส์ เท่ากับ 0.63 บาท

***(ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนเดือนสิงหาคม2023)

ประชากร

ชาวฟิลิปปินส์ในปัจจุบัน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายพวกมองโกล ผสมผสาน มีผิวสีน้ำตาล แต่บางกลุ่มมีผิวค่อนข้างขาว ซึ่งการที่ชาวฟิลิปปินส์มีลักษณะที่แตกต่างกันนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากความซับซ้อนของเผ่าพันธุ์ อันเกิดจากการผสมผสาน ระหว่างเชื้อชาติต่างๆ ทั้งจากชนเผ่าดั้งเดิม ซึ่งเป็นมนุษย์ชวา (Java Man) ที่อาศัยอยู่ตามหมู่เกาะฟิลิปปินส์มาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง รวมถึงชนเผ่าอินโดนีเซีย ที่ได้เดินทางเข้ามาอาศัยอยู่บนเกาะฟิลิปปินส์ จนกลายเป็นชนเผ่าพื้นเมืองในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติอีกหลายกลุ่มที่เข้ามาอาศัยตั้งรกรากอยู่ที่เกาะฟิลิปปินส์ เช่น ชาวมาเลย์ ชาวจีน ชาวสเปน ชาวโปรตุเกส ชาวฮอลันดา และชาวอังกฤษ เป็นต้น

ประชากรส่วนใหญ่ คือร้อยละ 60 ประกอบอาชีพเกษตรกร แต่เนื่องจากภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะพื้นที่เพาะปลูกมีเพียง 15 – 27% เท่านั้น ดังนั้น ชาวฟิลิปปินส์จึงนิยมทำเกษตรกรรมแบบขั้นบันได ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์อีกกลุ่มหนึ่งจะนิยมไปประกอบอาชีพในต่างประเทศ ทำให้ฟิลิปปินส์พึ่งพารายได้จากแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศเพื่อการพัฒนาประเทศเป็นส่วนใหญ่

ศาสนาและวัฒนธรรม

ศาสนา : ชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ นับถือศาสนาคริสต์โดยแบ่งออกเป็น 2 สายหลัก คือ ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากประเทศสเปนแต่เดิม ปัจจุบันมีผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอนิก 85% ของประชากรทั้งหมด โดยภายหลังยุคการปกครองภายใต้ประเทศสหรัฐอเมริกาทำให้ประชากรชาวฟิลิปปินส์บางส่วนหันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายโปแตสแตนต์ วัฒนธรรมประเพณีที่ซึมซับจากศาสนาคริสต์ มีในหลายด้าน เช่น การมีพ่อแม่อุปถัมภ์ การรวมญาติในช่วงวันหยุดคริสต์มาส และทางวัตถุ เช่น รูปแบบสถาปัตยกรรมอาคาร และการแต่งกายที่ได้รับอิทธิพลมาจากทางตะวันตก

วัฒนธรรม : วัฒนธรรมของฟิลิปปินส์มีความหลากหลายมาก เป็นวัฒนธรรมผสมผสานกันระหว่างตะวันตกและตะวันออก ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลจาก สเปน จีน และอเมริกัน มีวัฒนธรรมพื้นเมืองของเมลานีเซียนและออสโตรนีเซียน ซึ่งเห็นได้ชัดที่สุดในภาษาชาติพันธุ์ สถาปัตยกรรมพื้นเมืองอาหารและการเต้นรำ นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลบางส่วนมาจากญี่ปุ่น อินเดีย อาระเบีย และบอร์เนียว นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลของฮิสแปนิกในยุคอาณานิคมอย่างหนักจากเม็กซิโกและสเปน เช่น ในด้านศาสนา การทักทาย การแต่งกาย ดนตรีและศิลปะ สังคม อาหาร การเต้นรำ ภาษา เทศกาล สถาปัตยกรรมและชาติพันธุ์ 

การแต่งกาย

ก่อนที่ฟิลิปปินส์จะตกเป็นประเทศอาณานิคมของสเปน ชาวฟิลิปปินส์ในยุคนั้น นิยมใช้เครื่องประดับกาย สักตามใบหน้า และร่างกาย แต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 ฟิลิปปินส์ตกอยู่ในการปกครองของสเปน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ฟิลิปปินส์ได้เอกราชตามสนธิสัญญา ศิลปวัฒนธรรมหรือเครื่องแต่งกายของฟิลิปปินส์ จึงมีการผสมผสานกันระหว่าชาวยุโรป เอเชีย และตะวันตก ทำให้เครื่องแต่งกายประจำชาติของฟิลิปปินส์นั้น เป็นเสื้อคอกว้างแบบตะวันตก แขนยกตั้งเป็นปีกกว้าง ทำด้วยผ้าบางและแข็งอย่างไหมสับปะรด นุ่งกระโปรงติดกับเสื้อเป็นชุดเดียวกัน ส่วนตามเกาะต่างๆ มีการแต่งกายแบบคล้ายชาวมลายู และอินโดนีเซีย คือ นุ่งโสร่งปาเต๊ะ สวมเสื้อผ้าไหมสับปะรดหรือเแพร แขนกระบอกยาวจดข้อมือ มีผ้าพาดบ่า ส่วนผู้ชายจะสวมเสื้อแขนยาวทำจากใบสับปะรด นุ่งกางเกงแบบสากล

การแต่งกายนั้นชาวฟิลิปปินส์ถือเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นการแต่งกายให้ถูกต้องกาลเทศะจึงเป็นสิ่งที่ชาวฟิลิปปินส์ควรปฏิบัติโดยต้องแต่งกายสุภาพ สวมรองเท้าหุ้มส้นในการผ่านเข้าอาคารสำนักงาน โบสถ์ โรงแรม และร้านอาหารที่มีระดับหลายแห่ง การแต่งตัวเข้าร่วมงานประชุมหรืองานพิธีการทางราชการ ผู้ชายชาวฟิลิปปินส์มักสวมเสื้อประจำชาติ เรียกว่า บารอง และผู้หญิงมักใส่กระโปรงสุภาพกับเสื้อค่อนข้างมีสีสัน

ระบบไฟฟ้าและปลั๊กไฟ

  • แรงดันไฟฟ้ามาตรฐานคือ 220 V และความถี่มาตรฐานคือ 60 Hz 
  • ปลั๊กหัวแบน มี 2 ขา นิยมใช้กันในหลายประเทศทั่วโลกจะมีรูเล็กๆ อยู่ตรงขาปลั๊กด้วย เพื่อช่วยให้ปลั๊กไฟเสียบกับเต้ารับได้แน่นขึ้น
  • ปลั๊ก 3 ขา โดยแบ่งเป็นปลั๊กหัวแบน 2 ขาและขากราวด์ 1 ขา ซึ่งขาปลั๊กมีลักษณะหัวกลมๆ เป็นขากราวด์ ซึ่งจะยาวกว่าขาปลั๊กหัวแบน
  • ปลั๊กหัวกลม 2 ขา 

ข้อดีของการเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักของประเทศ โดยที่มีการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ด้วยจำนวนของประชากรที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ถึง 89.8 ล้านคน หรือคิดเป็น 92.58% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ถือเป็นประเทศที่อยู่อันดับต้นๆ ของการใช้ภาษาอังกฤษในอาเซียน ดังนั้นคนฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่จึงสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ สภาพแวดล้อมที่มีการฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันอยู่ตลอดเวลา จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทางด้านภาษาอังกฤษได้เร็วมากขึ้น และกล้าที่จะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษกับผู้อื่นด้วยเช่นกัน ปัจจุบันการเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์เป็นที่อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับชาวเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกาหลี ญี่ปุ่น ได้เข้ามาเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  

  • ด้วยสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ สภาพแวดล้อม ทำให้ประเทศฟิลิปปินส์เหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษ
  • ค่าใช้จ่ายในการเรียนไม่แพง
  • เดินทางง่ายและสะดวกไม่ไกล ค่าตั๋วราคาไม่แพง
  • มีชั้นเรียนตัวต่อตัวเพื่อความเข้มข้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน
  • สถาบันสอนภาษาอังกฤษที่มีคุณภาพการสอนอ้างอิงตามโครงสร้าง CEFR และ TESOL
  • ไม่ต้องทำวีซ่า เดินทางได้เลย
  • ฟิลิปปินส์มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
  • ระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม และราคาไม่แพง
  • ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง
  • ค่าครองชีพถูก สามารถเรียนและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย
  • อาหารทานง่าย อาหารยอดฮิตได้แก่ ไก่ทอด พิซซ่า สปาเก็ตตี้ และขนมปังชนิดต่างๆ บางอย่างรสชาติอาหารก็มีความคล้ายกับอาหารไทย คนไทยที่มาเรียนที่นี่จึงสามารถปรับตัวได้ง่าย

สถาบันสอนภาษาแนะนำที่ฟิลิปปินส์

F.A.Q.

คำถามที่พบบ่อย

พายุไต้ฝุ่นเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์บ่อยที่สุด มีฝนตกหนักช่วงหน้าฝน อาจเกิดน้ำท่วมไหลหลาก

Scroll to Top