DUBAI

ดูไบ...มหานครแห่งความหรูหรา เมืองแห่งความศิวิไลซ์ ดินแดนแห่งความร่ำรวย


Dubai มาจากคำว่า Daba (ดาบา) หมายความว่า คืบคลาน ที่ตั้งมาจากการไหลของน้ำในคลองที่ชื่อว่า Dubai Creek ดูไบเริ่มต้นเป็นเพียงเมืองชาวประมงเล็กๆ เท่านั้น แต่แล้วในช่วงปี ค.ศ. 1833 ผู้นำของชนเผ่าบานียาส หรือตระกูลมักตูม ผู้ปกครองรัฐในปัจจุบัน ได้อพยพชาวเผ่าราว 800 คน มาตั้งหลักปักฐานที่เมืองแห่งนี้ ด้วยความที่เห็นว่าเป็นเมืองท่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเริ่มทำงานพัฒนาถิ่นฐานเรื่อยๆ จนกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าทางทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่ง และยังทำการประมงรวมถึงฟาร์มไข่มุก ที่ถือเป็นรายได้ให้กับเมือง หลังจากนั้นดูไบก็กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโลก พ่อค้าชาวอิหร่าน และชาวอินเดียวก็ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ทำให้บ้านเมืองก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งการปกครองของรัฐอยู่ภายใต้อาณานิคมอังกฤษ จนปี ค.ศ. 1971 อังกฤษได้ถอนตัวออกจากการปกครอง จากนั้นดูไบได้รวมตัวกับรัฐอื่นๆ รวมเป็น 7 รัฐ ที่ประกอบกันเป็นประเทศอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งมีเมืองอาบูดาบี (Abu Dhabi) เป็นเมืองหลวงของประเทศ
ดูไบเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีพื้นที่ประมาณ 4 พัน ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 2 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมืองดูไบถือเป็นเมืองท่าและการส่งออกสินค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก มีอัตราการเจริญเติบโตของเมืองสูงมาก มีการพัฒนาเมืองอย่างต่อเนื่อง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทำให้ดูไบเป็นเมืองสวรรค์แห่งตะวันออกกลางที่ทุกคนสามารถเอื้อมถึง และไปสัมผัสได้อย่างแน่นอน...


เวลา Time Zone : Gulf Standard Time (GST), UTC +4 ซึ่งจะช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง

สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรม

BURJ KHALIFA

บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ ตึกที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก ใช้เวลาในการสร้างถึง 6 ปี และลงทุนไปกว่า 52.5 พันล้านบาท กับตึกที่มีความสูงกว่า 828 เมตร 163 ชั้น สูงกว่าตึก Empire State ของสหรัฐอเมริกาสองเท่า ภายในประกอบไปด้วย โรงแรม อพาร์ทเมนท์ ภัตตราคาร สำนักงาน สระว่ายน้ำ สุเหร่า หอดูดาวกลางแจ้ง และจุดชมวิวอันสวยงามจากตึกสูงที่สุดในโลก

สำหรับการจองตั๋วเข้าชม

Burj Al Arab

โรงแรมบุรญุลอะร็อบ โรงแรม 7 ดาวแห่งเดียวในโลก เป็นโรงแรมรูปทรงเรือใบ ภายในตกแต่งหรูหรา อลังการ มีทั้งทองคำ 24K และเพชรคริสตัล จาก แบรนด์ Swarovski รวมถึงร้านอาหารภายในโรงแรมที่มีเชฟระดับ Michelin Stars

The Palm Islands

เกาะเทียม ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นเกาะที่สร้างขึ้นด้วยดีไซน์รูปต้นปาล์ม เป็นที่ตั้งของโรงแรม Burj Al Arab รวมถึงบ้านพักของหล่าเซเลบเศรษฐีชื่อดังมากมายอีกด้วย

Dubai Fountain

น้ำพุที่ยาวที่สุดในโลก จุดท่องเที่ยวที่ให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจ ไปกับการแสดงแบบจัดเต็มสุดอลังการ โชว์น้ำพุ เต้นระบำ แสงสีเสียง สุดตระการตา ตั้งอยู่บริเวณใกล้ตึก Burj Khalifa Dubai

Dubai Mall

ย่านช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก แหล่งรวมร้านค้ากว่า 1,200 ร้าน รวมไปถึงร้านอาหารต่างๆมากมาย

Jumeirah Mosque

สุเหร่าจูไมร่าห์ สุเหร่าที่สวยและอลังการที่สุดในดูไบ สร้างจากหินอ่อนทั้งหลัง สถานที่สำคัญทางศาสนาของชาวดูไบที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงาม ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความงามทางศิลปะแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย

Arabian Desert

ทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก แหล่งรวมกิจกรรมแอดเวนเจอร์บนผืนทะเลทราย ไม่ว่าจะเป็นการขี่อูฐ ขับยานพาหนะต่างๆ รวมไปถึงการโต้ทราย และกิจกรรมสันทนาการ การแสดงระบำต่างๆ

สภาพอากาศ

ดูไบ มี 2 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อน และ ฤดูหนาว โดยมีช่วงเปลี่ยนผ่านภายในบางเดือน

ฤดูกาลที่ดีในการท่องเที่ยวดูไบ คือ เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม เป็นช่วงฤดูหนาว สามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างสนุกสนาน 

ฤดูท่องเที่ยว : พฤศจิกายน – มีนาคม

ฤดูไหล่ : เมษายน – พฤษภาคม, กันยายน – ตุลาคม

นอกฤดูกาล : มิถุนายน – สิงหาคม

ลักษณะเมืองดูไบ

ดูไบไม่มีแม่น้ำ หรือโอเอซิสตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ดูไบก็ยังมีคลองดูไบ หรือที่เรียกว่า ดูไบ ครีก (Dubai Creek) ซึ่งขุดลอกโดยเรือ ลึกพอที่เรือขนาดใหญ่สามารถแล่นผ่านได้ตลอดเส้นทาง โดยคลองดูไบนี้ จะทอดตัวผ่านเมือง และแบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง คือ ฝั่งเมืองเก่า (Bur Dubai) และ ฝั่งเมืองใหม่ Deira

ในฝั่งเมืองเก่า จะยังคงความวิถีการใช้ชีวิตแบบเก่า ผู้คนยังเดินทางไปมาด้วย Abra ซึ่งเป็นเรือข้ามฟากที่ทำจากไม้ และใกล้ท่าเรือจะมีตลาดเครื่องเทศ (Spice Souk) และ ตลาดทอง (Gold Souk) ซึ่งถือเป็นตลาดทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ตึกหรือสถาปัตยกรรมต่างๆ จะเป็นแบบเก่าแก่ที่สวยงาม เช่น พิพิธภัณฑ์ดูไบ (Dubai Museum) ซึ่งจัดแสดงอยู่ในป้อมปราการอัลฟาฮิดิ (Al Fahidi) ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1787 

ส่วนฝั่งเมืองใหม่ จะเต็มไปด้วยอาคารทันสมัย ตึกสูง สถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก โรงแรม และแหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย ถือเป็นย่านศูนย์รวมทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ

เทศกาล

  • เทศกาล Awafi เฉลิมฉลองมรดกทางชาติพันธ์ุของเอมิเรต
  • เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติดูไบ จัดแสดงภาพยนตร์ที่คัดสรรมาอย่างหลากหลาย
  • เทศกาลวันชาติ เพื่อรำลึกการก่อตัวของยูเออี
  • เทศกาลช้อปปิ้งดูไบ มหกรรมช้อปปิ้ง
  • ดูไบ เวิลด์ คัพ เป็นงานแข่งม้าพันธุ์แท้ประจำปี
  • ดูไบมาราธอน งานวิ่งมาราธอนในตะวันออกกลาง
  • ดูไบ เดสเสิร์ท คลาสสิก เป็นการแข่งขันกอล์ฟอาชีพที่เป็นส่วนหนึ่งของ European Tour 
  • วันอีด เป็นวันหยุดสำคัญทางศาสนาที่เฉลิมฉลองโดยชาวมุสลิมทั่วโลก 
  • เทศกาลวรรณกรรมสายการบินเอมิเรตส์ 
  • เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติดูไบ
  • อาบูดาบีกรังด์ปรีซ์ เป็นการแข่งรถ Formula 1 จัดขึ้นที่อาบูดาบี
  • ดูไบ ซัมเมอร์ เซอร์ไพรส์ เป็นเทศกาลประจำปีที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน โดยทั่วไปคือตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
  • เทศกาลอาหารดูไบ 

ศาสนา และวัฒนธรรม

วัฒนธรรมของดูไบมีรากฐานมาจากศาสนาอิสลาม อิทธิพลของวัฒนธรรมอาหรับและอิสลามที่มีต่อ สถาปัตยกรรม ดนตรี เครื่องแต่งกาย อาหารและวิถีชีวิตจึงโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่เนื่องจากมีชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีการเปิดกว้างสำหรับทุกวัฒนธรรม ในขอบเขตว่านักท่องเที่ยวก็ยังคงต้องเคารพประเพณีของชาวมุสลิม

ภาษา และสกุลเงิน

ภาษา :  ภาษาอารบิกเป็นภาษาราชการ แต่เนื่องจากประชากรกว่า 90% เป็นชาวต่างชาติ ที่มาอาศัยอยู่ในดูไบ ภาษาอังกฤษจึงเป็นอีกภาษาที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ป้ายต่างๆ จะมีการบอกเป็นภาษาอาหรับ และภาษาอังกฤษ

สกุลเงิน : สกุลเงินที่ใช้ คือ ดีแรห์ม มีตัวย่อภาษาอังกฤษสองแบบ คือ AED และ Dhs โดยอัตราแลกเปลี่ยน 1 AED ประมาณ 9.54 บาทไทย (ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนเดือนสิงหาคม 2566) 

ประชากร

ประชากรในดูไบ ในปี 2023 มีประมาณ 3.6 ล้าน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีประชากรที่เป็นชาวต่างชาติสูงกว่าชาวพื้นเมือง หรือชาวอาหรับ

วันหยุด และวันรอมฎอน

ชาวดูไบ จะมีวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นวันศุกร์ – วันเสาร์ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อความศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม 

 
เทศกาลเดือนถือศีลอด หรือเดือนบวช (รอมฎอน) เป็นเทศกาลประจำปีจัดขึ้นในเดือนที่เก้าตามปฏิทินมุสลิม มีระยะเวลา 30 วัน และจะเลื่อนเร็วขึ้นทุกปีเป็นเวลา 10 วัน ขึ้นอยู่กับพระจันทร์ของทางการยูเออี ในช่วงรอมฎอน ผู้นับถือศาสนาอิสลามจะงดอาหารและเครื่องดื่มตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น ไปจนถึงพระอาทิตย์ตก เป็นผลให้ร้านอาหารต่างๆ และร้านกาแฟปิดทำการในช่วงกลางวัน ยกเว้นร้านอาหารตามโรงแรมบางแห่งที่ยังคงเปิดให้บริการ ร้านค้าส่วนใหญ่มักปิดทำการช่วงกลางวัน โดยจะเริ่มเปิดทำการทั้งวันตามปกติ สำหรับในส่วนของราชการและธนาคาร ยังคงเปิดให้บริการในช่วงกลางวัน แต่อาจปิดทำการเร็วขึ้น การดื่มนำ้และรับประทานอาหารในที่สาธารณะในช่วงรอมฎอน แม้จะไม่ใช่โดยผู้นับถือศาสนาอิสลาม ก็ถือว่ามีความผิดทางกฎหมายหากมีผู้พบเห็นและร้องเรียน

 

ช่วงเทศกาลรอมฎอนนี้เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่นิยมเดินทางไปเที่ยวมากนัก หากใครต้องการท่องเที่ยวดูไบ ควรหลีกเลี่ยงในช่วงเทศกาลนี้ เนื่องจากร้านต่างๆในช่วงกลางวันส่วนมากจะปิด การทานอาหารที่ค่อนข้างหายาก อาจจะทำให้การท่องเที่ยวเมืองดูไบไม่เต็มที่เท่าที่ควร

ความปลอดภัย

ดูไบอยู่ใน Top 10 ที่เป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ในสถานที่ต่างๆ มักจะมีกล้องวงจรปิด และมียามคอยดูแลความปลอดภัย เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ดูไบจะมีมาตรการต่างๆ เพื่อดูแลมาตรฐานการครองชีพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จนแทบปราศจากโจรผู้ร้ายหรือการฉกชิงวิ่งราว แต่อย่างไรก็ควรระมัดระวังตัวไว้ก่อน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ระบบ VPN ในการเข้าอินเตอร์เน็ต เนื่องจากผิดกฎหมายท้องถิ่นด้านความมั่นคงของยูเออี 

กรณีฉุกเฉิน เหตุด่วน เหตุร้าย

คุณสามารถติดต่อตำรวจและรถพยาบาล UAE ได้ที่หมายเลขฉุกเฉิน 999 และหากต้องการความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตฯ นอกเวลาราชการ โปรดติดต่อหมายเลขฮอทไลน์ +971561121348

 

การแต่งกาย

เนื่องจากดูไบมีประชากรมาจากหลากหลายเชื้อชาติ ดังนั้นจะไม่ได้เคร่งเรื่องการแต่งกายสำหรับนักเรียนหรือนักท่องเที่ยวมากนัก สามารถแต่งตัวได้ตามปกติ ไม่ต้องคลุมศีรษะ เพียงแต่ต้องแต่งตัวให้เหมาะกับสถานที่ต่างๆตามกฎระเบียบ และแต่งกายให้ตรงกับเพศสภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหรือจับกุม ลักษณะการแต่งกายที่เหมาะสม เช่น

  • หากอยู่ภายในบ้านหรือภายในที่พักส่วนตัวของเราในโรงแรม เราสามารถใส่อะไรก็ได้
  • หากเดินอยู่หรือไปตามสถานที่สาธารณะ เช่น โรงภาพยนตร์ ตลาด ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือบริเวณสาธารณะในโรงแรม ควรแต่งกายให้ถูกต้องและเหมาะสม คือ ควรใส่เสื้อแขนยาว หรือมีผ้าคลุมไหล่ ใส่กางเกงหรือกระโปรงที่คลุมเข่าลงไป
  • หากอยู่ภายในโรงเรียน หรือที่ทำงาน ต้องแต่งตัวให้เหมาะสมขึ้นกับกฏขององค์กรนั้นๆ บางโรงเรียนสามารถใส่เสื้อแขนสั้น หรือแขนยาวก็ได้ และใส่กางเกงหรือกระโปรงที่คลุมเข่า
  • หากไปมัสยิดหรือสถานที่ทางศาสนา ผู้หญิงควรใส่ชุดคลุมยาว เรียกว่า Abaya และคลุมผม ส่วนผู้ชายควรใส่ชุดคลุมสีขาว เรียกว่า Kandura โดยที่ห้ามใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อแขนกุด
  • ชุดว่ายน้ำ สามารถใส่ชุดว่ายน้ำหรือบิกินี่ได้ แต่ควรใส่บริเวณรอบสระว่ายน้ำหรือที่ชายทะเล หากออกนอกบริเวณสระว่ายน้ำหรือชายทะเล ควรเปลี่ยนเป็นชุดที่เหมาะสม

ลักษณะการแต่งกายของชาวเอมิราติหรือชาวมุสลิม ผู้หญิงจะสวมชุดคลุมยาวถึงข้อเท้าเรียกว่า Abaya และมีการใช้ผ้าคลุมศีรษะ เปิดเผยใบหน้ามากน้อยขึ้นกับความเคร่งในศาสนาของแต่ละบุคคล ส่วนผู้ชายจะแต่งตัวปกติ เป็นกางเกงขายาวและเสื้อคลุมไหล่ หากเป็นชุดทางการจะแต่งเป็นชุดคลุมสีขาวยาวถึงข้อเท้า เรียกว่า Kandura และมีผ้าคลุมศีรษะ 

สิ่งที่ควรระวัง และควรปฏิบัติ

  • เรื่องการแสดงความรักในพื้นที่สาธารณะเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ได้รับการยอมรับของชาวมุสลิม ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
  • เรื่องการแต่งกายให้เรียบร้อยตามวัฒนธรรม และประเพณี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการนับถือศาสนาอย่างเคร่งครัด เพราะเราอาจจะทำผิดกฎระเบียบได้ เช่น การไปท่องเที่ยวมัสยิดหรือแหล่งต่างๆ ที่มีความสำคัญทางศาสนา
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ห้ามนำเข้ายากล่อมประสาทและยานอนหลับ (เช่น แวเลี่ยม ยกเว้นจะมีใบสั่งแพทย์กำกับ) และห้ามนำสื่อลามกอนาจาร ไม่ว่าเป็นหนังสือ วีดีโอ ภาพโป๊เปลือย เข้าประเทศ
  • ไม่ควรแสดงพฤติกรรมที่ส่อถึงการไม่ให้เกียรติผู้หญิงทั้งในที่ลับและที่แจ้ง และจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย หากพบว่ามีการฝ่าฝืนกฎระเบียบดังกล่าว
  • ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์บนถนน หรือในสถานที่สาธารณะ เพราะถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
  • ไม่ควรถ่ายภาพสถานที่ราชการต่างๆ และสิ่งก่อสร้างสำคัญที่มิใช่สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย รวมถึงการถ่ายภาพสตรี ยกเว้นจะได้รับอนุญาตจากเจ้าตัวก่อน
  • ยา 374 ชนิด ซึ่งยาสามัญที่คนไทยนิยมใช้ทั่วไปก็รวมอยู่ด้วย เช่น ยาแก้ปวดพาราเซตามอล ยาลดน้ำมูกแอคติเฟด เป็นต้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการนำยาเหล่านี้ติดตัวในการเดินทาง เพราะหากถูกจับได้จะมีโทษถึงจำคุก ยาเหล่านี้สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปในยูเออีโดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องนำติดตัว ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เป็นภาษาอังกฤษ พร้อมด้วยการรับรองเอกสาร Notary Public จากกรมการกงสุลไทย และสถานเอกอัครราชทูตยูเออีประจำประเทศไทย และควรนำมาในปริมาณน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
  • พระพุทธรูปหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ทางการเมือง
  • เนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนื้อหมู
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้าได้ไม่เกิน 2 ขวด บุหรี่นำเข้าได้ไม่เกิน 400 มวน หรือมูลค่าไม่เกิน 3,000 ดีแรห์ม มิเช่นนั้นต้องเสียภาษี

ค่าครองชีพ

 

 

สำหรับค่าครองชีพในส่วนของ

  • ร้านอาหาร
  • ตลาด
  • การเดินทาง
  • ค่าสาธารณูปโภค
  • กีฬาและสันทนาการ
  • ค่าดูแลเด็ก
  • ค่าเสื้อผ้า และ รองเท้า
  • ค่าเช่าต่อเดือน
  • ราคาซื้ออพาร์ทเม้นท์
  • เงินเดือนและการเงิน

สามารถดูรายละเอียดที่อัพเดทเพิ่มเติมได้ทาง https://www.numbeo.com/cost-of-living/in/Dubai

อาหารและค่าอาหาร

อาหารส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารที่เน้นหนักไปทางเนื้อสัตว์ ธัญพืช อาหารของประเทศนี้ส่วนใหญ่ใช้ ปลา ข้าว และเนื้อสัตว์ โดยเนื้อสัตว์ที่ใช้คือ แพะ เนื้อวัว และเนื้อแกะ เป็นส่วนใหญ่ อาหารเช้าจะมีขนมปังเสิร์ฟคู่กับไข่ และชีส อาหารยอดนิยม เช่น

Kebab Kashkash คือ อาหารจานเดียวซึ่งมีเนื้อสัตว์ในซอสมะเขือเทศ มีรสชาติเผ็ด

  • Harees เป็นอาหารอาหรับซึ่งผสมเกลือ เนื้อสัตว์และข้าวสาลี
  • Shawarma เป็นแซนวิชซึ่งห่อด้วยเนื้อแกะ เนื้อไก่ หรือบางครั้งใช้เนื้อวัว 
  • Ghuzi เป็นอาหารจานเดียวซึ่งทำจากถั่ว ข้าวและเนื้อแกะย่าง 
นอกจากนี้ ก็ยังมีร้านอาหารหลากหลายร้าน หลากหลายสไตล์บริการนักท่องเที่ยวอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็น อาหารไทย เวสเทิร์น และร้านอาหารอื่นๆ อีกมากมาย
  •  เนื้อหมูหรือผลิตภัณฑ์อาหารที่มีหมูเป็นส่วนประกอบ สามารถซื้อได้จากซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายเท่านั้น ซึ่งได้แก่เครือ Spinneys, Abela และ Waitrose สามารถกินได้ในร้านอาหารที่ได้รับอนุญาต หรือในที่พัก ไม่ควรกินบริเวณที่สาธารณะ
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ได้ถูกห้ามในดูไบ แต่ต้องดื่มในพื้นที่ เช่น โรงแรม บาร์ หรือไนท์คลับ ผู้ที่ซื้อกินเองจะต้องมีใบอนุญาตจึงสามารถซื้อได้ ซื้อได้ตามร้านที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย เช่น Spinneys และ African and Easterrn เป็นต้น ไม่สามารถดื่มบนถนน หรือในสถานที่สาธารณะ เพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และผู้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป
ที่มาจาก : abudhabi.thaiembassy.org และ leelawadee.holiday
 

ค่าอาหาร 

  •  อาหารในร้านอาหาร 35 AED (ประมาณ 333 บาท)
  • McMeal ของ McDonalds 30 AED (ประมาณ 286 บาท)
  • น้ำดื่ม (1.5 liter bottle) 2.25 AED (ประมาณ 21 บาท)
  • เนื้อไก่ 1 กิโลกรัม 25.77 AED (ประมาณ 245 บาท)
  • ข้าว 1 กิโลกรัม 6.98 AED (ประมาณ 66 บาท)
***ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนเดือนสิงหาคม 2566

ค่าที่พัก

ค่าที่พักจะขึ้นอยู่กับชนิดห้องพัก และ location ที่พัก ตัวอย่างเช่น Student Residence หรือ หอพักนักเรียน เรทราคาจะมีตั้งแต่ 1800 – 3000 AED ต่อเดือน (ประมาณ 17000 – 28000 บาท) KSK Home ห้องนอนเดี่ยว ราคา 2945 AED ต่อเดือน (ประมาณ 28000 บาท) และห้องนอนแชร์ 2 คน 1894 AED ต่อเดือน (ประมาณ 18000)

ที่พักมีความยืดหยุ่นขึ้นอยู่กับ location และการติดต่อตกลงกับที่พักนั้นๆ รวมถึงผู้ร่วมพักอาศัย ที่สามารถแชร์กันได้ด้วยเช่นกัน  

***ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนเดือนสิงหาคม2566

การคมนาคม และค่าเดินทาง

  • ท่านที่มีวีซ่าประเภทท่องเที่ยว สามารถนำใบขับขี่ไทยไปขอทำ ใบขับขี่สากลที่สำนักงานกรมการขนส่งทางบกในประเทศไทย เพื่อนำใบขับขี่สากลมาใช้ขับรถยนต์ในยูเออีได้ (แต่ท่านที่มีวีซ่าพำนักระยะยาว ไม่สามารถใช้ใบขับขี่สากลได้ จะต้องทำใบขับขี่ใหม่ที่ยูเออี) ทั้งนี้ รถยนต์ในยูเออีใช้พวงมาลัยซ้าย

สามารถเดินทางได้หลายวิธี เช่น รถบัสประจำทาง, รถไฟใต้ดิน, Dubai Ferry (เรือข้ามฟาก), Taxi, Uber

รถไฟใต้ดิน Dubai Metro เป็นหนึ่งในระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัย และคุ้มค่าที่สุดในโลก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองดูไบ เหมาะกับนักท่องเที่ยว และนักเรียนเป็นอย่างมาก แบ่งออกเป็น 2 สาย ได้แก่ สายสีแดง (28 สถานีที่ทอดระหว่าง Al Rashidiya และ UAE Exchange) ให้บริการเส้นทางใจกลางเมืองไปตามถนนชีคซาเอด (Sheikh Zayed Road) และสายสีเขียว (20 สถานีที่ครอบคลุมจากภูมิภาค Etisalat ไปยัง Dubai Creek)

สามารถเช็คตารางการเดินทางและราคาที่เว็บไซต์

https://www.rta.ae/wps/portal/rta/ae/public-transport

ตั๋ว NOL Red

แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว 

อายุการใช้งาน : 90 วัน สำหรับการเดินทางเดี่ยวสูงสุด 10 ครั้งหรือตั๋ว 5 วัน

รูปแบบการขนส่งสาธารณะ : รถประจำทาง รถไฟใต้ดิน หรือรถบัสน้ำ

ค่าใช้จ่าย : ตั้งแต่ 2 AED (ประมาณ 19 บาท) ขึ้นอยู่กับโซนและจำนวนการเดินทางที่เลือก

ข้อดี : สามารถกำหนดจำนวนการเดินทางและโซนที่ต้องการเดินทางได้ในขณะที่ซื้อ จำนวนเงินที่จ่ายในตั๋วนี้สามารถเติมได้ตลอดเวลาที่เครื่องจำหน่ายตั๋ว

ข้อเสีย : ตั๋วนี้สามารถใช้ได้กับการขนส่งรูปแบบเดียวเท่านั้น (เช่น รถไฟใต้ดิน หรือ รถบัส)

ประเภทบัตรโดยสาร : Nol Silver Card, Nol Blue Card, Nol Gold Card, Nol Red Ticket 

 

ระบบไฟฟ้าและปลั๊กไฟ

ใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยสามารถนำมาใช้ที่ยูเออีได้ แต่ควรนำที่เปลี่ยนหัวปลั๊ก (Adapter) ติดมาด้วย เพราะช่องสำหรับเสียบปลั๊กในยูเออีเป็นแบบเหลี่ยมหนา 3 ช่อง (แบบ G)

เรียนภาษาอังกฤษที่ดูไบ

เมืองที่เหมาะแก่การไปเรียนภาษาอังกฤษ และสามารถทำงานไปด้วยได้ เนื่องด้วยค่าครองชีพที่ไม่สูง ค่าเรียนไม่แพง ทำวีซ่าง่าย ไม่ต้องใช้ statement เป็นเมืองท่าที่มีอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสูงมาก คนในเมืองส่วนมากค่อนข้างมีชีวิตที่มีความมั่งคั่ง และสุขสบาย แต่ก็มีวิถีชีวิตต่างกันในโซนเมืองเก่าที่จะเป็นวิถีแบบชาวบ้าน ไม่ค่อยมีตึกสูงระฟ้า และโซนเมืองใหม่ ก็จะเต็มไปด้วยตึกสูง แสงสีเสียง ความหรูหรา อลังการ ความทันสมัย 

การทำงานที่ดูไบ

นักเรียนที่ไปเรียนที่ดูไบ 12 สัปดาห์ขึ้นไป สามารถทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนได้ โดยสามารถทำงานหลังเลิกเรียนหรือในวันหยุดได้ไม่จำกัดชั่วโมง เมื่อนักเรียนได้งาน ทางโรงเรียนจะออกจดหมาย NOC หรือ No objection Certification เป็นเอกสารรับรองว่านักเรียนทำงานเพื่อฝึกภาษา

  • งาน part-time ชั่วโมงละ 100 – 400 บาท ถ้าเป็นพวกงาน ร้านอาหาร 100 – 200 บาทต่อชั่วโมง งานขายของตามหาด 400 บาทต่อชั่วโมง ช่วง High Season คือในเดือนตุลาคม – มีนาคม เป็นช่วงที่มีงานอีเว้นท์เยอะ งานรับจ้างจึงเยอะขึ้น รายได้ 100 – 450 บาทต่อชั่วโมง

*** การหางาน Part-time ไม่ได้หายากจนเกินไป ถ้าไม่เลือกงาน และหากใครมีทักษะภาษาอังกฤษ ที่สามารถสื่อสารได้ในระดับหนึ่ง ก็จะมีโอกาสได้ง่ายมากขึ้น

  • งานแบบ Full-time หรืองานประจำในโรงแรม มีค่อนข้างเยอะ หากเราสมัครงานและได้งานประจำทำ บริษัทหรือโรงแรมที่รับเข้าทำงาน จะออก work permit และทำวีซ่าให้ รายได้ประมาณ 2 – 3 หมื่นบาท โดยจะมีสวัสดิการ เช่น มีที่พัก อาหาร และจ่ายค่าวีซ่าให้

ข้อดีของการไปเที่ยว/เรียนที่ดูไบ

สำหรับนักท่องเที่ยว
  • เปิดประสบการณ์การเรียนรู้โลกกว้างเพิ่มมากขึ้น : เราจะได้เห็นสิ่งที่แปลกตา ตื่นใจมากมายที่นอกเหนือจากสิ่งที่เราเรียนรู้ในหนังสือ การดูผ่านวีดีโอ หรือภาพถ่าย การได้มาสัมผัสด้วยตนเอง ย่อมได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะกับโลกทะเลทรายในมุมที่เราไม่เคยสัมผัสและไม่เคยเห็นมาก่อน
  • เรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมความเป็นอาหรับ : ช่วยให้เราเข้าใจวิถีชีวิตของคนอาหรับ ทั้งเหตุผล ความคิด ของพวกเขามากขึ้น
  •  สร้างและเสพแรงบันดาลใจในการสร้างฐานะ : ผู้คนในดูไบต่างมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดี มีรถ บ้าน ที่หรู รวมถึงสถานที่ต่างๆที่มีความหรูหราอลังการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีส่วนเป็นตัวสร้างแรงบันดาลใจให้เราสร้างฐานะและอยากที่จะประสบความสำเร็จขึ้นมาได้
  • สัมผัสกับเมืองแห่งอนาคต : ดูไบมีเทคโนโลยีที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเมืองทะเลทราย สิ่งเหล่านั้นถูกคิด ออกแบบ และสร้างมาอย่างล้ำสมัย ทำให้เราได้สัมผัสราวกับว่าอยู่ในโลกแห่งอนาคตเลยก็ว่าได้
  • ค้นพบโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ : ดูไบเป็นเมืองที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เราได้ หากเราได้รับโอกาสนั้นแล้ว เราสามารถสร้างรายได้มหาศาลในเมืองนี้ได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
สำหรับนักเรียน
  •  วีซ่านักเรียนของ่ายมาก 
  • ไม่ต้องใช้ Bank Statement
  • หากได้งาน Full-time สามารถอยู่ต่อทำงานด้วยวีซ่าทำงานได้
  • วีซ่านักเรียนสามารถทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนได้ ทำงานได้ไม่จำกัดเวลา
  • ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารและการทำงาน
  • เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
  • ค่าครองชีพไม่สูงมากนัก ประมาณ 20,000 – 35,000 บาท/เดือน
  • เดินทางจากประเทศไทย บินตรง 6 ชั่วโมง และเวลาต่างกันเพียง 3 ชั่วโมง จึงไม่ต้องปรับตัวมาก
  • การศึกษามีมาตรฐานในระดับสูง
  • เป็นเมืองที่สร้างเพื่อสนับสนุนการเรียนต่อของนักเรียนต่างชาติ
  • สร้างโอกาสการทำงานในอนาคต
  • มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
  • เป็นมหานครศูนย์กลางของโลก
  • การขนส่งสาธารณะครอบคลุมทั่วทั้งเมือง
  • ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองที่ดีที่สุดในโลก
  • มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
  • ดูไบเป็นเมืองที่มีอัตราการก่ออาชญากรรมต่ำมาก เป็นหนึ่งในเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
  • ดูไบเป็นเมืองที่มีอิสระในการนับถือศาสนา มีโบสถ์อยู่ไม่ห่างมากนักจากมัสยิด
  • การส่งพัสดุหรือจดหมายในเมืองนี้ จะไม่มีการเขียนที่อยู่ผู้รับ แต่จะถูกส่งไปที่ไปรษณีย์ใกล้บ้านแทน

สถาบันสอนภาษาแนะนำที่ดูไบ

F.A.Q.

คำถามที่พบบ่อย

มีสถานที่เที่ยวและกิจกรรมในดูไบอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น bollywood Parks, Dubai Museum, Global Village, Kite Beach, Ain Dubai, ย่าน Deira Covered Souk, Gold Souk, Opera Gallery Dubai, Museum of The Future, Museum of Illusions, Al Fahidi Historical, Al Shindagha Museum, บ้านของชีคซาอีลมัคทูม, Heritage Village, ศูนย์ศิลปะ Alserkal Avenue, สกีดูไบ, Dubai Aquarium, Mohammed Bin Rashid Library, Helicopter Tour, Adventure HQ, Boat Tour Marina, The Dubai Balloon, Wonder Bus Tours, Wild Wadi Waterpark  และอื่นๆอีกมากมาย

ฤดูหนาวเหมาะแก่การไปเที่ยวดูไบที่สุด ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม

ใช่แล้ว คุณไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแม้แต่บาทเดียว ได้รายได้เท่าไหร่ ก็รับเงินไปเต็มๆ

ยกเว้นเงินได้ ภาษีนิติบุคคล เพื่อให้ประเทศยังคงเป็นแหล่งดึงดูดนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติได้ โดยจะเรียกเก็บภาษีนิติบุคคลในอัตรา 9% ครอบคลุมธุรกิจองค์กรและกิจกรรมทางการค้าทั้งหมดในประเทศ แต่ก็มีการยกเว้นการเสียภาษีสำหรับนิติบุคคลอยู่ตามเงื่อนไข ดูเพิ่มเติมที่ https://www.prachachat.net/world-news/news-855847

เนื่องจากดูไบถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลทราย ดูไบเองก็ต้องเจอภัยธรรมชาติเช่นกัน เป็นภัยทางธรรมชาติจากทะเลทราย นั่นคือพายุทราย ท้องฟ้าเป็นสีแดง อากาศจะหนา ทราย ฝุ่นละออง และอนุภาคอื่นๆ ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ ทำให้หายใจลำบาก  พายุทรายขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องแปลกในตะวันออกกลาง เมื่อเกิดขึ้นจะทำให้บ้านเรือนถูกปกคลุมด้วยฝุ่นผง เที่ยวบินถูกระงับ โรงเรียนถูกปิด ดังนั้นเมื่อมีพายุทรายโจมตี มีวิธีป้องกันตัวเองได้ดังนี้

  • การสวมหน้ากาก KN95/FFP2 ที่มีซีลแน่นหนาเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้ทราย ฝุ่น และสารมลพิษอื่นๆ เข้าสู่พื้นที่หายใจ
  • พยายามอยู่ในที่ร่มและหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก
  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะทุกชนิดหากจำเป็น เนื่องจากสภาพลมแรงและทัศนวิสัยต่ำ
  • ปิดประตู หน้าต่าง และช่องระบายอากาศ
  • ใช้เครื่องฟอกอากาศในห้อง 

นครดูไบได้ยกเว้นการเก็บภาษี 30% เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงยกเลิกค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะยังคงรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งดูไบจัดเก็บในอัตรา 5% และจะทำการทดลองเป็นระยะเวลา 1 ปี อ่านเพิ่มเติม…

https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/187668

Scroll to Top